วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

ครูหวังกับจิตวิญญาณความเป็นครู แม้มีลูกศิษย์ในโรงเรียนเพียง 2 คน


ครูหวังกับจิตวิญญาณความเป็นครู แม้มีลูกศิษย์ในโรงเรียนเพียง 2 คน

ครูหวัง กับจิตวิญญาณความเป็นครู แม้มีลูกศิษย์ในโรงเรียนเพียง 2 คน
ปัจจุบัน โรงเรียนในเขตพื้นที่ชนบทเริ่มสูญหายไป จากการแทนที่ของโรงเรียนขนาดใหญ่ในตัวเมือง ที่มีอุปกรณ์เพียบพร้อม และบุคลากรที่มีคุณภาพ ไม่ต่างจากในโรงเรียนชนบทแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน ฉวงเหมียว ทางตะวันออกของมณฑณอันฮุย  ในประเทศจีน มีนักเรียนเพียง 2 คน และครูใหญ่ ซึ่งเป็นครูผู้สอน เพียง 1 คนเท่านั้น
ครูหวังกับจิตวิญญาณความเป็นครู แม้มีลูกศิษย์ในโรงเรียนเพียง 2 คน

เด็กชายหยาง หนี่หยวนชาง
แต่ด้วยคุณภาพการสอน โรงเรียนแห่งนี้ก็เชื่อว่าคุณภาพการสอนไม่ด้อยไปจากโรงเรียนอื่นๆ ครูหวัง จินลอง วัย 56 ปี ครูใหญ่ เปิดเผยว่า นักเรียนส่วนใหญ่ต่างแยกย้ายกันไปเรียนในโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในเมือง แต่ครูหวังก็ยังคงสอนเด็กๆทั้ง 2 คนที่ยังไม่ได้ย้ายๆไปไหน ก็ยังสั่งสอน เด็กชายหลี จุนเชง นักเรียนชั้นป.2 และเด็กชายหยาง หนี่หยวนชาง นักเรียนอนุบาล วัย 5 ขวบ เพื่อจะได้รับความรู้อย่างเต็มที่ครูหวังกับจิตวิญญาณความเป็นครู แม้มีลูกศิษย์ในโรงเรียนเพียง 2 คน

การศึกษาจึงไม่ได้เน้นเพียงปริมาณ แต่ความปรารถนาในการสั่งสอน อมรบ แม้เพียง 2 คน ครูหวังก็ยินดี มอบให้ด้วยจิตวิญญาณในอาชีพ ครู
ครูหวังกับจิตวิญญาณความเป็นครู แม้มีลูกศิษย์ในโรงเรียนเพียง 2 คน
ครูหวังกับจิตวิญญาณความเป็นครู แม้มีลูกศิษย์ในโรงเรียนเพียง 2 คน
                                                                     
                                                                      ขนมทองหยิบ



ส่วนผสม
ไข่เป็ด                      ๑๐      ฟอง
น้ำตาลทราย              ๑       กิโลกรัม
น้ำลอยดอกมะลิ          ๕       ถ้วยตวง
วิธีทำ
        ๑. ผสมน้ำ น้ำตาลทราย ตั้งไปให้เดือด พอเหนียว ตักน้ำเชื่อมขึ้นใส่ถาดไว้พอประมาณ ส่วนที่เปลือตั้งไฟต่อไป
        ๒. แยกไข่แดง ไข่ขาว
        ๓. ตีไข่แดงให้ขึ้น ไข่จะเปลี่ยนเป็นสีนวล
        ๔. ตักไข่ที่ตีได้ที่แล้วหยอดลงในน้ำเชื่อมที่ตั้งอยู่บนไฟอ่อนให้เป็นวงกลมพอสุกกลับอีกด้านหนึ่งลง
        ๕. ตักแผ่นทองหยิบขึ้นวางในน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ ใช้นิ้วหัวแม่มือ นิ้วกลาง นิ้วชี้ ของมือซ้าย หยิบไข่ ตามด้วย
           นิ้วหัวแม่มือนิ้วชี้ ของมือขวา หยิบขึ้นใส่ในถ้วยตะไล

วุ้นสังขยา  เป็นขนมไทยที่นับวันหากินยากขึ้นทุกที เพราะไม่เพียงต้องใช้ฝีมือเท่านั้น  แต่ถ้าจะให้อร่อย ส่วนผสมต่างๆก็สำคัญด้วย H&C  ฉบับนี้เลยมีวุ้นสังขยาสูตรดั้งเดิมสำหรับทำเป็นขนมหวานในครอบครัวมาฝากกัน ค่ะ
ส่วนผสมวุ้น
  • วุ้นผง 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำสะอาด 3  ถ้วย
  • น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี 1/2 ถ้วย
  • ใบเตยหอมประมาณ 3 ใบ   
ส่วนผสมสังขยา
  • หัวกะทิ 1 ถ้วย
    (คั้นจากมะพร้าวขูดขาว 300 กรัมกับน้ำอุ่น  1/4  ถ้วย)
  • ไข่ไก่ (ฟองใหญ่) 3 ฟอง
  • น้ำตาลปึก 1 ถ้วย
  • ใบเตยหอมหรือใบตอง 4-5 ใบ
วิธีทำ
  1. คนกะทิกับน้ำตาลปึกให้เข้ากันจนละลาย ตอกไข่ไก่ใส่ลงไปแล้วใช้มือขยำพร้อมใบเตยให้เนื้อไข่กับกะทิเข้ากัน  ขยำสักพักจนใบเตยฉีกเป็นชิ้นเล็กและส่วนผสมเป็นเนื้อเนียน  กรองด้วยผ้าขาวบาง  พักไว้
  2. ละลายผงวุ้นกับน้ำเย็นลงในหม้อ  นำไปตั้งไฟ(หมั่นคนไม่ให้วุ้นตกตะกอน)ใส่ใบเตยสัก  3-4  ใบ  เคี่ยวด้วยกัน  จนวุ้นเริ่มเดือดสักพักค่อยลดไฟลง  ใส่น้ำตาลทรายแล้วเคี่ยวไปเรื่อยๆจนวุ้นใส  จากนั้นเร่งไฟให้แรงขึ้น  ค่อยๆเทส่วนผสมสังขยาลงไป  ใช้ทัพพีคนด้านล่างเบาๆอย่าให้สังขยาตกตะกอน (ต้องคอยระวังวุ้นจะเดือดท่วมหม้อ)  เคี่ยวต่อจนสังขยาเริ่มจับตัว  ยกลงตักใส่พิมพ์ตามต้องการ
H&C Tips
- ควรใช้น้ำตาลปึกจากมะพร้าวอย่างดีของจังหวัดสมุทรสงคราม  เพราะทำให้วุ้นหอมอร่อยกว่าน้ำตาลปึกทั่วไป  วิธีสังเกตคือจะมีสีน้ำตาลเข้มกว่าน้ำตาลปึกทั่วไป  พอบีบดูเนื้อจะแตกง่ายร่วน
- ห้ามใส่วุ้นในขณะน้ำเดือด  เพราะวุ้นจะจับกันเป็นก้อน  อาจจะผสมวุ้นกับน้ำเย็นเล็กน้อยและคนให้เข้ากันในชามเล็กๆก่อน  แล้วจึงเทใส่หม้อ  จะคนวุ้นได้สะดวกขึ้น
- ขณะเทสังขยาต้องใช้ไฟแรง  เพราะจะทำให้สังขยาไม่คาวยและแยกตัวสวยคล้ายลายหินอ่อน